วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554
อิทธิพลที่กว้างขึ้น - Positioning Magazine
sale
Model
Samsung Galaxy Tab 16GB GT-P1000
ระบบ Quadband (GSM 850/900/1800/1900 MHz)
- UMTS 900/1900/2100 MHz
- HSDPA 7.2 Mbps, HSUPA 5.76 Mbps
จอสัมผัส Multi-touch TFT-LCD - 1024 x 600 พิกเซล (7")
- ระบบสัมผัสแบบ TouchWiz UI 3.0
- ระบบเซนเซอร์หมุนภาพ 3 แกน (Three-axis gyroy)
- ระบบหมุนภาพอัตโนมัติ (Accelerometer sensor)
- ระบบเปิด/ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนา (Proximity Sensor)
ระบบปฏิบัติการ : Android? 2.2 Froyo
- CPU : ARM Cortex A8, 1 GHz
พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟฟิค PowerVR SGX540
เครื่องเล่นวีดีโอ (Video Player)
- ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล
- รองรับไฟล์ DivX, XviD, MPEG4, H.263, H.264
เครื่องเล่นเพลง (Music Player)
- รองรับไฟล์ MP3, AAC, OGG, WMA, AMR-NB/WB, FLAC, WAV, AC3, MIDI
ราคา 7000 บาท
ติดต่อ มอส 0841079097 กทม.
วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554
ความสุข(รึปล่าว)
วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554
วิิเคราะห์นโยบายค่าแรง300บาทต่อวัน
1. อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น
2.เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น
หรือกรณีเงินเฟ้อ ก็อธิบายได้ง่ายๆว่าในเมื่อต้นทุนค่าแรงสูงขึ้น โรงงานก็ต้องขึ้นราคาสินค้าเพื่อให้ได้กำไรเท่าเดิม หรือ ต่อให้โรงงานไม่ขึ้นราคาสินค้า ค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้น ก็จะทำให้ “ค่าเสียโอกาส” ของคนอีกหลายกลุ่มเพิ่มขึ้น เพราะ “ค่าแรง” ก็คือ “ราคา” อย่างนึง แถมเป็นราคาต่ำที่สุดที่เป็น ฐานของเศรษฐกิจทั้งระบบ
จากกรณีที่กล่าวมาข้างต้น ย่อมทำให้เกิดเงินเฟ้อแบบผสม (Mixed Inflation) เป็นเงินเฟ้อที่เกิดจากทั้งอุปสงค์รวมสูงขึ้น (Demand-Pull Inflation) และอุปทานรวมลดลง(Supply-Push Inflation)เนื่องมาจาก
- เมื่อคนงานถูกขึ้นค่าแรงให้สูงขึ้นเพื่อชดเชยรายได้ที่แท้จริง ทำให้อุปสงค์รวมของสินค้าสูงขึ้น(AD สูงขึ้น) ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นด้วย
- ขณะที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ย่อมทำให้ ( AS ลดลง )

1.การเพิ่มค่าแรงให้ลูกจ้าง ลูกจ้างจึงมีเงินเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นลูกจ้างมีกำลังในการจ่ายเพิ่มขึ้น (เกิด Demand curve shift สูงขึ้น) จะเห็นได้ว่าราคาดุลยภาพ จะขึ้นไปอยุ่ที่จุด E2จากจุดE1 และเพิ่มขึ้นจนถึงจุดE3 ณ ระดับการจ้างงานเต็มที่
2.แต่นายจ้างหรือผู้ประกอบการ ต้องแบกภาระต้นทุนด้านค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้น ทำให้นายจ้างจำเป็นต้องลดต้นทุนการผลิต ด้วยการลดจำนวนพนักงาน(เกิดปัญหาการว่างงาน) นั่นหมายถึงกำลังการผลิตเต็มที่ย่อมลดลง ดังนั้น ความต้องการขายจึงลดลง (supply curve จะต้องshift ลง)จาก AS1 เป็น AS2 ดังนั้นราคาดุลยภาพจึงขึ้นไปที่จุดE4
จะเห็นได้ว่า2เหตุการณ์ข้างต้นราคาของ มีแต่จะเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากผู้ประกอบการสามารถผลักภาระราคาต้นทุนสูงให้ผู้บริโภคได้ และกรณี Demand curve shift สูงขึ้นอีก ราคาจะยิ่งเพิ่มสูงมากกว่ามาก เนื่องมาจาก กำลังการผลิตเต็มที่ จะอยู่ที่จุด Q3 เท่านั้น
หรือยกตัวอย่างที่ผู้ประกอบการไม่ได้ผลักภาระราคาต้นทุนสูงให้ผู้บริโภค เช่น
สมชายทำงานโรงงาน ได้เงินวันละ 150 บาท ซื้อส้มตำกินทุกวัน
สมศรี ขายส้มตำรถเข็นอยู่หน้าโรงงานทุกวัน หักลบกลบหนี้แล้วได้กำไรวันละ 250 บาท
อยู่มาวันนึง สมชาย ได้เงินเพิ่มเป็นวันละ 300 บาท – สมศรี เลยคิดหนัก เพราะจะเหนื่อยลงทุนลงแรงขายส้มตำทำไม ในเมื่อเลิกขายแล้วไปทำงานโรงงานก็ได้ 300 บาทมากกว่าเดิมอีก แล้วไหนจะค่าจ้างที่จ่ายให้เด็กล้างจานที่ต้องเพิ่มให้เขาด้วย ไม่งั้นเขาก็ออกไปทำโรงงานเหมือนสมชาย
สมศรี มีสองทางเลือก คือ 1.ขึ้นราคาส้มตำให้สมกับ “ค่าเสียโอกาส” ของตัวเอง หรือ 2.เลิกขายส้มตำ ไปทำงานโรงงานแทน
ทั้งสองทางเลือก ล้วนทำให้ราคาส้มตำ “เฟ้อ” เพราะอย่างแรกส้มตำแพงขึ้น ส่วนอย่างหลังคือ supply ส้มตำลดลง ดังนั้นส้มตำจะหายากขึ้น สมชายมีเงิน แต่ไม่มีส้มตำกิน ย่อมส่งผลให้ผู้ประกอบการขายส้มตำรายอื่นสามารถขึ้นราคาส้มตำได้ เนื่องมาจาก ความต้องการ demand curve ที่มากขึ้น แต่supply ลดลง
จะเห็นว่าทั้งสองกรณีทำให้ “ราคาส้มตำเฟ้อ” โดยที่ “นายทุน” โรงงานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
1.อำนาจการซื้อลดลง
- ก๋วยเตี๋ยวราคาชามละ 50-60 บาท จากเดิมชามละ30บาท
2.การออมและการลงทุนลดลง
- เนื่องมาจากเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายลดลง เพราะของแพง ทำให้ธนาคารมีเงินที่จะปล่อยกู้น้อย ส่งผลให้ดอกเบี้ยสูง และการลงทุนจึงลดลง
3.การกระจายรายได้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น
-นักเก็งกำไร ลูกหนี้ จะได้เปรียบ ส่วนผู้มีรายได้ประจำ เจ้าหนี้ จะเสียเปรียบ
4.ฐานะการคลังของรัฐบาลแย่ลง
-เนื่องจากรายได้ส่วนใฟญ่มาจากการเก็บภาษี แต่เนื่องจากการลงทุนลดลง ทำให้ภาษีที่ได้มีค่าลดลงด้วย
5.การส่งออกของประเทศลดลง การนำเข้าเพิ่มขึ้น
-เนื่องจากการลงทุนในประเทศลดลง ทำให้สินค้าบางอย่างขาดแคลน จึงต้องมีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศแทน
จากนโยบาย 300 บาท ส่งผลให้ ลูกจ้างมีกำลังซื้อมากขึ้น แต่ผู้ประกอบการจะมีต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย ดังนั้นรัฐบาลสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้โดยการ
1.ใช้นโยบายการเงิน
- เพิ่มสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ(ดอกเบี้ยลดลง) ย่อมส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง จึงทำให้เกิดความต้องการขายทั้งประเทศสูงขึ้น( AS curve เพิ่มสูงขึ้น)
2.ใช้นโยบายการคลัง
-ลดภาษีผู้ประกอบการที่ให้ค่าแรง300บาท ย่อมส่งผลให้ต้นทุนลดลง ดังนั้น AS curve เพิ่มสูงขึ้น
วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
นำรายงานมาแบ่งปันความรู้_1
หลักการทำงานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบหลักการเบื้องต้นที่ก่อให้เกิดแสงสว่างมานานหลายปี และจนกระทั่งปีพ.ศ. 2481 จึงได้มีการประดิษฐ์ หลอดฟลูออเรสเซนต์ขึ้นมาเป็นหลอดแรกการทำงานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ อาศัยพลังงานจากแสงอัลตราไวโอเลตซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ไอปรอทที่บรรจุไว้ในก๊าซเฉื่อย เช่น พวกก๊าซอาร์กอน คริปตอน หรือ นีออน ที่ความดันต่ำ ได้รับการกระตุ้นจากแหล่งปลดปล่อยพลังงาน (Discharge Source) ให้ไอปรอทปลดปล่อยพลังงานออกมา แสงอัลตราไวโอเลตที่เปล่งออกมานี้จะกระทบเข้ากับผิวในหลอดแก้วที่ฉาบไว้ด้วยสารเรืองแสงที่เรียกว่าฟอสฟอร์ (Phosphor) หรือ Fluorescent Material ตัวสารเรืองแสงนี้จะทำหน้าที่เปลี่ยนแสงอัลตราไวโอเลตซึ่งไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ ให้กลายมาเป็นแสงสว่างที่ปรากฏแก่สายตาของมนุษย์ที่จริงแล้วตัวหลอดไฟฟ้านั้น ก็คือ หลอดแก้วที่ภายในฉาบไว้ด้วยสารเรืองแสง และถูกดูดอากาศออกจนเกือบหมด มีเพียงปรอทจำนวนเล็กน้อยและก๊าซเฉื่อยภายใน ที่ปลายทั้งสองของหลอดแก้ว จะมีขั้วไฟฟ้าที่เรียกว่า อิเล็กโทรด (Electrode) เมื่อเปิดสวิตช์ให้มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านหลอดฟลูออเรสเซนต์ทางเดินของกระแสผ่านขั้วอิเล็กโทรด จะทำให้ขั้วอิเล็กโทรดร้อนและทำให้สารปล่อยอิเล็กตรอน(Emissive Material) ที่ถูกเคลือบไว้บนไส้หลอดปล่อยอิเล็กตรอนออกมา นอกเหนือจากอิเล็กตรอนที่ปล่อยออกมาโดยความร้อนแล้ว ก็ยังมีอิเล็กตรอนที่ถูกปล่อยออกมาเนื่องจากความแตกต่างของค่าแรงดันไฟฟ้าระหว่างขั้วอิเล็กโทรดทั้ง 2 ข้างด้วย อิเล็กตรอนจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง จากขั้วอิเล็กโทรดขั้วหนึ่งไปยังอิเล็กโทรดอีกขั้วหนึ่ง ก่อให้เกิดลำอิเล็กตรอนซึ่งเคลื่อนที่ผ่านไอปรอท ทำให้ไอปรอทได้รับพลังงานจากอิเล็กตรอน และทำให้หลอดได้รับความร้อนและเพิ่มค่าแรงดันไอปรอทจนถึงจุดที่หลอดจะมีประสิทธิภาพสูงสุดสภาวะที่เกิดขึ้นภายในหลอดแก้วนี้ จะมีคุณลักษณะที่ขึ้นอยู่กับค่าความดันของก๊าซที่อยู่ภายในและค่าความต่างศักย์ระหว่างขั้วอิเล็กโทรดทั้งสอง คุณสมบัติที่สำคัญก็คือ การก่อให้เกิดแสงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และแสงอัลตราไวโอเลต เมื่ออิเล็กตรอนที่เคลื่อนที่เข้าชนกับอะตอมของไอปรอทและทำให้อิเล็กตรอนของไอปรอทกระเด็นออกมาจากวงโคจรของมัน อิเล็กตรอนที่หลุดกระเด็นออกมาเหล่านี้ พยายามที่จะกลับคืนเข้าสู่วงโคจรเดิม ดังนั้น มันจะปล่อยพลังงานที่มันได้รับออกมาก่อนที่จะเข้าสู่สถานะเดิม พลังงานที่มันปลดปล่อยออกมานี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแสงอัลตราไวโอเลตที่มีความยาวคลื่น253.7 นาโนเมตรแสงอัลตราไวโอเลตนี้ จะถูกเปลี่ยนเป็นแสงที่ตาสามารถมองเห็นได้โดยสารเรืองแสง ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการดูดกลืนแสงอัลตราไวโอเลตเอาไว้ แล้วปล่อยแสงที่มีความยาวคลื่นมากกว่าออกมา ซึ่งตาของมนุษย์สามารถมองเห็นได้ โดยแสงอัลตราไวโอเลตที่มีความยาวคลื่นที่เหมาะสม ของแสงสีที่ได้จะขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของสารที่ใช้ฉาบภายในของหลอดแก้ว




